top of page
self-esteem course cover blog page.jpg
พิชาวีร์ เมฆขยาย

ช่วงวิกฤตถือโอกาสมา set zero ตัวเองกัน


set zero

โรคระบาดครั้งใหญอย่างโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกอย่างรุนแรง อาจเปลี่ยนแปลงบางธุรกิจหรือบางคนไปตลอดกาลด้วยซ้ำ มีบางคนคาดการณ์ไว้ว่า ผลกระทบเหล่านี้อาจยาวนานไปเป็นปี ๆ เลยก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทุกวิกฤตเราสามารถหามุมมองที่เป็นบวกแล้วสร้างโอกาสดี ๆ หรือบทเรียนสำคัญจากทุกเรื่องได้เสมอ ถ้าอย่างนั้น เราลองมาดูกันว่า เราจะถือโอกาสนี้ ในการเรียนรู้ พัฒนา และ set zero ตัวเราในเรื่องไหนได้บ้าง 1. set zero การใช้ชีวิต ในภาวะปกติคุณอาจรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความเสี่ยงอะไรมาก มีอาหารการกินดี หน้าที่การงานดี ทุกอย่างราบรื่น และมองหาความช่วยเหลือได้เสมอ แต่เมื่อเกิดวิกฤตทางสังคมขึ้น รายได้ที่เคยมีอาจหายไปในพริบตา งานที่ว่ามั่นคงนั้น นายจ้างคุณเองก็อาจไปไม่รอดเช่นกัน วิถีชีวิตความสะดวกสบาย ความบันเทิงต่าง ๆ ที่เคยเสพทุกวันอาจหายไป คุณสามารถถือโอกาสนี้เปลี่ยนมุมมองในการใช้ชีวิตให้ประมาทน้อยลง มีแผนสำรองในหลาย ๆ เรื่อง ไม่พึ่งพาบางสิ่งบางอย่างมากไปจนขาดไม่ได้ และไม่คิดว่าอะไรอะไรก็มั่งคงอีกต่อไป สร้างแผนชีวิตสำรองเพื่อเตรียมรับมือในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นไว้บ้าง แล้วเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นจริง ๆ คุณจะได้ไม่ฟูมฟายหรือสติแตกจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี่ก็คือโอกาสที่คุณจะกลับมา set zero ให้กับการมองโลกของตัวเองว่า ไม่มีอะไรแน่นอนซะจริง ๆ ดังนั้น เลิกยึดติด และมองว่ามันคือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ 2. set zero การเงิน รายได้ หน้าที่การงาน หรือธุรกิจที่เคยรุ่งเรือง เมื่อถึงจุดที่วิกฤตมา distrupt ทุกอย่างก็อาจมลายหายไปในชั่วพริบตา การมีเงินเก็บสำรองไว้ 6-12 เดือนเป็นเรื่องจำเป็นมากถึงมากที่สุด เมื่อถึงเวลาจริงอาจจะกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายเลยก็ได้ โดยเฉพาะหากเจ็บป่วยขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาลที่แสนสาหัสนั้นอาจชี้วัดความเป็นความตายได้เลย ซึ่งไม่ได้มีแค่ตัวคุณเอง แต่รวมถึงบุคคลที่คุณรักด้วยเช่นกัน แม้ที่ผ่านมาคุณไม่มีเงินสำรองมาก่อน แต่คุณสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่ว่าจะเล็กน้อยขนาดไหนแต่ก็ต้องเริ่ม และต้องวางแผนออกมาเป็นตัวเลขให้ชัดว่า เมื่อถึงจุดที่หนักสุดจนไม่มีรายได้เข้ามาเลย คุณจะมีเงินเพียงพอสำหรับอยู่ได้นานเท่าไหร่ กันไว้สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินแค่ไหน มีหนี้สินที่ต้องเคลียร์ขนาดไหน ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องนั่งลงและคิดถึงเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง 3. set zero การทำงาน การทำงานเกือบจะเป็นเรื่องเดียวกันกับรายได้ อาชีพของคุณในตอนนี้สุ่มเสี่ยงแค่ไหนเมื่อเจอภาวะภัยคุกคาม วิกฤตแบบไหนที่จะกระทบต่อหน้าที่การงานแบบของคุณ ลองนั่งวิเคราะห์ความเสี่ยง และสร้าง scenario (แบบจำลอง) โดยเฉพาะในกรณี worst case scenario หรือกรณีที่ร้ายแรงสุด ๆ คุณคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว คุณจะทำอย่างไร มีคนจำนวนมากพูดว่า คนเราไม่ควรมีอาชีพเพียงอาชีพเดียว นั่นคงหมายถึงช่องทางรายได้เพียงทางเดียว เมื่องานเพียงงานเดียวที่คุณมีสูญสลายไป คุณจะยิ่งกลุ้มใจและเดือดร้อนหนัก ตอนนี้คุณยังมีโอกาสมา set zero ลองมานั่งวิเคราะห์หาทักษะที่ใช้หาเงินได้อีก นอกเหนือจากอาชีพประจำดู หรือทักษะใหม่ที่อยากเรียนรู้เพื่อสร้างอาชีพหรือธุรกิจทางเลือกให้ตัวเองในอนาคตอันใกล้ดู ยิ่งคุณมีทางเลือกให้ตัวเองหลายทาง ก็เหมือนเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้ตัวเองได้อุ่นใจมากขึ้นบ้าง

4. set zero การดูแลสุขภาพกาย ในอนาคตข้างหน้าอาจจะมีโรคร้ายอุบัติใหม่เข้ามาอีกมากมายแบบคาดการณ์ไม่ได้ สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญมาก หากร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดี รวมถึงใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและรักษาสุขภาพอนามัยมากขึ้น คุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่เสี่ยงน้อยลงและได้รับผลกระทบจากโรคระบาดน้อยลง คุณควรใช้โอกาสนี้ในการปรับเปลี่ยนนิสัยการดูแลตัวเองใหม่ นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ทำร้ายตัวเองด้วยการบริโภคแต่อาหารที่ทำลายสุขภาพ สร้างนิสัยหมั่นล้างมือบ่อยครั้งเมื่อหยิบจับของในที่สาธารณะ แม้โรคระบาดจะหายไปแล้ว และฝึกจามใส่กระดาษทิชชู่หรือแขน แทนที่จะใช้มือปิดปากเหมือนเคย set zero ปรับเปลี่ยนการดูแลสุขภาพใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงเมื่อเกิดเหตุโรคภัยไข้เจ็บในครั้งต่อไป ทุก ๆ ครั้งวิกฤตจะมาเตือนทุกคนที่กำลังหลงระเริงกับชีวิตที่ไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัว ทุกเหตุการณ์คือการเตือนสติ ขอให้คุณลองถอดบทเรียน เพื่อพัฒนาชีวิตพัฒนาความคิดให้ลอยตัวเหนือกว่าวิกฤตไม่ว่าครั้งไหน ๆ ขอให้คุณไม่เสพข่าวจนทำให้ตัวเองวิตกกังวลมากไป ทุกปัญหามีทางแก้ไข และมักไม่เลวร้ายอย่างที่คุณคิดเสมอไป ขอให้ทุกคนโชคดี

Comentarios


bottom of page